Facility Management (FM)

image

การบริหารจัดการและดูแลระบบสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคาร
   คืองานบริหารจัดการเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปราศจากปัญหาต่าง ๆ งานด้าน Facility Management มีหลายประเภทและส่วนประกอบต่างๆ ตามความต้องการขององค์กรหรือสถานประกอบการ โดยงานหลักที่บริษัททำหน้าที่ดูแลจะมีดังนี้

1. การบำรุงรักษา (Maintenance) เป็นกิจกรรมที่สำคัญในงาน Facility Management เพื่อให้ระบบและสิ่งก่อสร้างภายในอาคารสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเพื่อการบำรุงรักษาได้แก่

  1.1 ตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ : ตรวจสอบสภาพและประสิทธิภาพของระบบต่าง ๆ ภายในอาคารเช่น ระบบไฟฟ้า, ระบบปรับอากาศ, ระบบประปา และระบบอื่น ๆ และทำการบำรุงรักษาเพื่อรักษาสภาพและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
  1.2 ซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่: การตรวจสอบและซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพในระบบต่าง ๆ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การเปลี่ยนอะไหล่ที่ชำรุดหรือมีอาการเสื่อมสภาพก็เป็นส่วนหนึ่งของการบำรุงรักษา
  1.3 ดำเนินการตามแผนการบำรุงรักษา: การจัดทำแผนการบำรุงรักษาให้มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบและตามกำหนดเวลา แผนการบำรุงรักษาสามารถรวมถึงการตรวจสอบและบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ต่าง ๆ ในอาคาร

  1.4 การบำรุงรักษาสภาพภูมิสภาพแวดล้อม: การรักษาความสะอาดภายในอาคารและพื้นที่รอบ ๆ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและสุขอนามัยสำหรับผู้ใช้งาน

2. การดูแลระบบปรับอากาศ (Air Conditioning) เป็นส่วนสำคัญในงาน Facility Management เพื่อให้ระบบปรับอากาศทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเพื่อดูแลระบบปรับอากาศได้แก่:
  2.1 การตรวจสอบและทำความสะอาด: ตรวจสอบระบบปรับอากาศเป็นประจำเพื่อตรวจสอบการทำงานและสภาพทั่วไปของอุปกรณ์ เช่น ตรวจสอบสภาพฟิลเตอร์อากาศและทำความสะอาดเป็นระยะ regular เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรกภายในระบบ
  2.2 การเปลี่ยนและบำรุงอุปกรณ์: อุปกรณ์หลักของระบบปรับอากาศเช่น คอมเพรสเซอร์, พัดลม, และระบบท่อ ควรได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ และถูกเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพ
  2.3 การตรวจสอบและควบคุมอุณหภูมิและความชื้น: ตรวจสอบและสังเกตอุณหภูมิและความชื้นในอาคารเพื่อให้ระบบปรับอากาศทำงานอยู่ในเกณฑ์ที่ถูกต้อง การใช้เครื่องมือวัดและเครื่องช่วยวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบพารามิเตอร์ต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิห้อง, อุณหภูมิและความชื้นจากแอร์ที่ออกมา สามารถช่วยในการตรวจ

image
image
3. การดูแลระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm) เป็นส่วนสำคัญในงาน Facility Management เพื่อรักษาความปลอดภัยและการตอบสนองทันทีในกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเพื่อการดูแลระบบ Fire Alarm ได้แก่:
    3.1 ตรวจสอบและทดสอบระบบ: ตรวจสอบระบบ Fire Alarm อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทำงานอย่างถูกต้อง รวมถึงเสียงและสัญญาณเตือนที่มีประสิทธิภาพ
    3.2 ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์: ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ในระบบ Fire Alarm เช่น สายไฟ, เซ็นเซอร์ควัน, เซ็นเซอร์ความร้อน เพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
    3.3 ทดสอบการเตือนภัย: ทดสอบระบบการเตือนภัยเพื่อให้แน่ใจว่าเสียงและสัญญาณเตือนสามารถเปิดใช้งานและดูดีอย่างถูกต้องเมื่อมีเหตุการณ์เพลิงไหม้
    3.4 การตรวจสอบและบำรุงรักษาแบตเตอรี่: ตรวจสอบและบำรุงรักษาแบตเตอรี่ในระบบ Fire Alarm เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถให้พลังงานในกรณีฉุกเฉินได้
    3.5 การฝึกอบรมและสอบประเมิน: ฝึกอบรมพนักงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องในการใช้ระบบ Fire Alarm เพื่อให้ทราบวิธีการใช้งานและการปฏิบัติตามกรณีฉุกเฉิน
    3.6 การเฝ้าระวังและบันทึกข้อมูล: ตรวจสอบและบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการทดสอบและการดูแลระบบ Fire Alarm เพื่อการติดตามและการบริหารจัดการในอนาคต

4. งานด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวการดูแลรักษาพื้นที่ภายในอาคาร
นอกจากบริษัทยังจัดการและดูแลพื้นที่ภายในอาคาร เพื่อให้มีระเบียบเรียบร้อย มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยต่อผู้อาศัย อาทิเช่น
  4.1 การจัดหาทีมรักษาความสะอาดเพื่อดูและงานทำความสะอาดในพื้นที่
  4.2 การจัดหาทีมรักษาความปลอดภัย เพื่อตรวจสอบการเข้า-ออกของบุคคล และป้องกันการบุกรุกจากบุคคลภายนอก
  4.3 การจัดหาทีมงานเพื่อดูแลสถานที่ต่างๆ เช่น จัดหาทีมคนสวนเพื่อดูแลงานสวน ต้นไม้ ภายในอาคาร

image
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้